จะทําอย่างไรถ้าหน้าจอ Xiaomi TV F2 32 มีขอบสีเข้มหรือจอแสดงผลไม่สมบูรณ์
*หน้านี้ถูกแปลโดยอัตโนมัติจากบทความภาษาอังกฤษ
หากหน้าจอ Xiaomi TV F2 32 ของคุณมีขอบสีเข้มหรือจอแสดงผลไม่สมบูรณ์
โปรดดูสถานการณ์ต่อไปนี้และวิธีการแก้ไขปัญหา:
สถานการณ์สมมติที่ 1:
ถ้าหากปัญหาเกิดขึ้นเมื่อท่านใช้แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ในทีวีของท่าน ให้อ้างอิงกับวิธีการต่อไปนี้:
1. ตรวจสอบหน้าจอทีวีเพื่อหาความเสียหายทางกายภาพ หากหน้าจอเสียหายทางกายภาพคุณอาจต้องซ่อมแซม
2. ปิดทีวีโดยถอดปลั๊กออกจากเต้ารับไฟฟ้าหรือใช้ปุ่มเปิดปิด รอประมาณ 30 วินาทีถึงหนึ่งนาที แล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่หรือเปิดเครื่อง
3. ล้างแคชและข้อมูลโดยไปที่ [การตั้งค่า] >> [แอปพลิเคชัน] >> [จัดการแอปพลิเคชันที่ติดตั้ง] >>เลือกแอป >> [ล้างข้อมูล] หรือ [ล้างแคช];
4. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปเป็นเวอร์ชันล่าสุด ไปที่หน้าจอ หลัก>> เลือกไอคอน [ค้นหา] ด้วยรีโมท ของคุณ>> ไปที่ [Appstore] >>เลือกแอปที่คุณต้องการอัปเดต >>กดปุ่มสามแนวนอนบนรีโมทคอนโทรล >> เลือกตัวเลือก [ข้อมูลเพิ่มเติม] และอัปเดตแอป
5. ติดตั้งแอปใหม่และดูว่าปัญหายังคงมีอยู่หรือไม่ ไปที่ [แอพ] >> เลือก [แอพของฉัน] >>เลือกแอพแล้วกดปุ่มเส้นแนวนอนสามเส้นบนรีโมทคอนโทรลเลือก [ถอนการติดตั้ง] จากนั้นติดตั้งแอพใหม่
6. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบปฏิบัติการของทีวีของคุณเป็นเวอร์ชันล่าสุด ซึ่งมักจะมีการแก้ไขข้อบกพร่องและการปรับปรุง ไปที่ [การตั้งค่า] >> [อุปกรณ์และซอฟต์แวร์] >>เลือก [เกี่ยวกับ] >>เลือก [ติดตั้งการอัปเดต];
7. หากวิธีอื่นๆ ล้มเหลว โปรดรีเซ็ตทีวีของคุณเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน ไปที่ [การตั้งค่า] >>เลือก [อุปกรณ์และซอฟต์แวร์] >>เลื่อนลงเพื่อค้นหา [รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน] แล้วเลือก
นี่คือเคล็ดลับที่เป็นมิตรบางประการ:
1. การรีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงานจะลบข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมด รวมถึงแอพ บัญชี การตั้งค่า และไฟล์ส่วนตัวที่ติดตั้งไว้
2. Backup ก่อนรีเซ็ต: ก่อนเริ่มการรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน ซึ่งอาจรวมถึงรูปภาพ วิดีโอ เอกสาร ข้อมูลแอป และไฟล์อื่นๆ ที่คุณต้องการเก็บไว้
สถานการณ์สมมติที่ 2:
ถ้าหากปัญหาเกิดขึ้นเมื่อท่านใช้อุปกรณ์ภายนอก เช่น เครื่องเล่นดีวีดี หรือเครื่องเล่นเกม ให้อ้างอิงกับวิธีการต่อไปนี้:
1. ถอดอุปกรณ์ภายนอก (เช่น เกมคอนโซล เครื่องเล่น Blu-ray ฯลฯ) ที่เชื่อมต่อกับทีวีของคุณ ทดสอบว่าปัญหายังคงมีอยู่กับตัวทีวีเท่านั้น
2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายเคเบิลทั้งหมด (เช่น HDMI, ไฟ ฯลฯ) เชื่อมต่อกับทีวีอย่างถูกต้อง บางครั้งการเชื่อมต่อที่หลวมอาจทําให้เกิดปัญหาในการแสดงผล
3. หากคุณใช้อุปกรณ์ภายนอก เช่น เกมคอนโซลหรืออุปกรณ์สตรีมมิ่ง ให้ลองใช้สาย HDMI อื่นเพื่อแยกปัญหาสายเคเบิล
4. เปลี่ยนไปใช้อินพุต HDMI อื่นบนทีวีของคุณเพื่อดูว่าปัญหายังคงอยู่หรือไม่ วิธีนี้สามารถช่วยระบุได้ว่าปัญหาเฉพาะเจาะจงกับอินพุตเดียวหรือส่งผลกระทบต่อทีวีทั้งเครื่อง
5. หากปัญหาเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ภายนอก ให้ตรวจเช็คดูการอัพเดตเฟิร์มแวร์สําหรับอุปกรณ์นั้น
สถานการณ์สมมติที่ 3:
ถ้าหากปัญหาเกิดขึ้นเมื่อท่านใช้การแคสต์ในทีวีของท่าน ให้อ้างอิงกับวิธีการต่อไปนี้:
1. โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าทั้งอุปกรณ์แคสต์ เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และทีวีของคุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน
2. ตรวจสอบการตั้งค่าอุปกรณ์แคสต์ (เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์) สําหรับการตั้งค่าการแสดงผลหรือการแคสต์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตั้งค่าอุปกรณ์แคสต์เป็นความละเอียดและอัตราส่วนภาพที่ถูกต้อง
หากวิธีการแก้ไขปัญหาข้างต้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ โปรดติดต่อศูนย์บริการอย่างเป็นทางการในพื้นที่ของเราหรือผู้ขายของคุณเพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม พวกเขาจะช่วยคุณในเรื่องนี้
สถานการณ์สมมติที่ 1:
ถ้าหากปัญหาเกิดขึ้นเมื่อท่านใช้แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ในทีวีของท่าน ให้อ้างอิงกับวิธีการต่อไปนี้:
1. ตรวจสอบหน้าจอทีวีเพื่อหาความเสียหายทางกายภาพ หากหน้าจอเสียหายทางกายภาพคุณอาจต้องซ่อมแซม
2. ปิดทีวีโดยถอดปลั๊กออกจากเต้ารับไฟฟ้าหรือใช้ปุ่มเปิดปิด รอประมาณ 30 วินาทีถึงหนึ่งนาที แล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่หรือเปิดเครื่อง
3. ล้างแคชและข้อมูลโดยไปที่ [การตั้งค่า] >> [แอปพลิเคชัน] >> [จัดการแอปพลิเคชันที่ติดตั้ง] >>เลือกแอป >> [ล้างข้อมูล] หรือ [ล้างแคช];
4. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปเป็นเวอร์ชันล่าสุด ไปที่หน้าจอ หลัก>> เลือกไอคอน [ค้นหา] ด้วยรีโมท ของคุณ>> ไปที่ [Appstore] >>เลือกแอปที่คุณต้องการอัปเดต >>กดปุ่มสามแนวนอนบนรีโมทคอนโทรล >> เลือกตัวเลือก [ข้อมูลเพิ่มเติม] และอัปเดตแอป
5. ติดตั้งแอปใหม่และดูว่าปัญหายังคงมีอยู่หรือไม่ ไปที่ [แอพ] >> เลือก [แอพของฉัน] >>เลือกแอพแล้วกดปุ่มเส้นแนวนอนสามเส้นบนรีโมทคอนโทรลเลือก [ถอนการติดตั้ง] จากนั้นติดตั้งแอพใหม่
6. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบปฏิบัติการของทีวีของคุณเป็นเวอร์ชันล่าสุด ซึ่งมักจะมีการแก้ไขข้อบกพร่องและการปรับปรุง ไปที่ [การตั้งค่า] >> [อุปกรณ์และซอฟต์แวร์] >>เลือก [เกี่ยวกับ] >>เลือก [ติดตั้งการอัปเดต];
7. หากวิธีอื่นๆ ล้มเหลว โปรดรีเซ็ตทีวีของคุณเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน ไปที่ [การตั้งค่า] >>เลือก [อุปกรณ์และซอฟต์แวร์] >>เลื่อนลงเพื่อค้นหา [รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน] แล้วเลือก
นี่คือเคล็ดลับที่เป็นมิตรบางประการ:
1. การรีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงานจะลบข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมด รวมถึงแอพ บัญชี การตั้งค่า และไฟล์ส่วนตัวที่ติดตั้งไว้
2. Backup ก่อนรีเซ็ต: ก่อนเริ่มการรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน ซึ่งอาจรวมถึงรูปภาพ วิดีโอ เอกสาร ข้อมูลแอป และไฟล์อื่นๆ ที่คุณต้องการเก็บไว้
สถานการณ์สมมติที่ 2:
ถ้าหากปัญหาเกิดขึ้นเมื่อท่านใช้อุปกรณ์ภายนอก เช่น เครื่องเล่นดีวีดี หรือเครื่องเล่นเกม ให้อ้างอิงกับวิธีการต่อไปนี้:
1. ถอดอุปกรณ์ภายนอก (เช่น เกมคอนโซล เครื่องเล่น Blu-ray ฯลฯ) ที่เชื่อมต่อกับทีวีของคุณ ทดสอบว่าปัญหายังคงมีอยู่กับตัวทีวีเท่านั้น
2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายเคเบิลทั้งหมด (เช่น HDMI, ไฟ ฯลฯ) เชื่อมต่อกับทีวีอย่างถูกต้อง บางครั้งการเชื่อมต่อที่หลวมอาจทําให้เกิดปัญหาในการแสดงผล
3. หากคุณใช้อุปกรณ์ภายนอก เช่น เกมคอนโซลหรืออุปกรณ์สตรีมมิ่ง ให้ลองใช้สาย HDMI อื่นเพื่อแยกปัญหาสายเคเบิล
4. เปลี่ยนไปใช้อินพุต HDMI อื่นบนทีวีของคุณเพื่อดูว่าปัญหายังคงอยู่หรือไม่ วิธีนี้สามารถช่วยระบุได้ว่าปัญหาเฉพาะเจาะจงกับอินพุตเดียวหรือส่งผลกระทบต่อทีวีทั้งเครื่อง
5. หากปัญหาเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ภายนอก ให้ตรวจเช็คดูการอัพเดตเฟิร์มแวร์สําหรับอุปกรณ์นั้น
สถานการณ์สมมติที่ 3:
ถ้าหากปัญหาเกิดขึ้นเมื่อท่านใช้การแคสต์ในทีวีของท่าน ให้อ้างอิงกับวิธีการต่อไปนี้:
1. โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าทั้งอุปกรณ์แคสต์ เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และทีวีของคุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน
2. ตรวจสอบการตั้งค่าอุปกรณ์แคสต์ (เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์) สําหรับการตั้งค่าการแสดงผลหรือการแคสต์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตั้งค่าอุปกรณ์แคสต์เป็นความละเอียดและอัตราส่วนภาพที่ถูกต้อง
หากวิธีการแก้ไขปัญหาข้างต้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ โปรดติดต่อศูนย์บริการอย่างเป็นทางการในพื้นที่ของเราหรือผู้ขายของคุณเพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม พวกเขาจะช่วยคุณในเรื่องนี้
ข้อมูลนี้ช่วยคุณได้หรือไม่
ใช่
ไม่ใช่